นิสฺสยฏฺฐกถาวิภาวนา
วิสุทฺธิมคฺโค ปน น เกวลํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรเนว กโต, อถ โข วุจฺจมานปฺปกาเรนาปิฯ ตถา หิ อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร โปราณฏฺฐกถาหิ สมาหริตฺวา ภาสาปริวตฺตนวเสน ทสฺเสนฺโตปิ ยา ยา อตฺถวณฺณนา วา วินิจฺฉโย วา สํสยิตพฺโพ โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วินยฏฺฐกถายํ วุตฺตนฺติ วา (๑, ๒๖๓), วินยฏฺฐกถาสุ วุตฺตํ, มชฺฌิมฏฺฐกถาสุ ปนาติ วา (๑, ๗๐), องฺคุตฺตรภาณกาติ วา (๑, ๗๒), อฏฺฐกถาจริยานํ มตานุสาเรน วินิจฺฉโยติ วา (๑, ๙๙), วุตฺตมฺปิ เจตํ อฏฺฐกถาสูติ วา (๑, ๑๑๘), ตํ อฏฺฐกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ วา (๑, ๑๓๔), ทีฆภาณกสํยุตฺตภาณกานํ มตนฺติ วา, มชฺฌิมภาณกา อิจฺฉนฺตีติ วา (๑, ๒๖๗), อฏฺฐกถาสุ วินิจฺฉโยติ วา, เอวํ ตาว ทีฆภาณกา, มชฺฌิมภาณกา ปนาหูติ วา (๑, ๒๗๗), องฺคุตฺตรฏฺฐกถายํ ปน…เป.… อยํ กโม วุตฺโต, โส ปาฬิยา น สเมตีติ วา (๑, ๓๐๙), เอวํ ตาว มชฺฌิมภาณกา, สํยุตฺตภาณกา ปนาติ วา (๒, ๖๒), สํยุตฺตฏฺฐกถายํ วุตฺตนฺติ วา (๒, ๖๓), อฏฺฐกถายํ ปนาติ วา (๒, ๘๐) เอวํ ตํตํอตฺถวณฺณนาวินิจฺฉยานํ นิสฺสยมฺปิ วิภาเวตฺวา ปจฺฉิมชนานํ อุปฺปชฺชมานสํสยํ วิโนเทนฺโตเยว เต ทสฺเสสิฯ
เตนิมสฺส วิสุทฺธิมคฺคสฺส กรณกาเล สพฺพาปิ สีหฬฏฺฐกถาโย อาจริยสฺส สนฺติเก สนฺตีติ จ, ปุพฺเพเยว ตา อาจริเยน สีหฬตฺเถรานํ สนฺติเก สุตาติ จ, ตาหิ คเหตพฺพํ สพฺพํ คเหตฺวา อยํ วิสุทฺธิมคฺโค อาจริเยน ลิขิโตติ จ อยมตฺโถ อติวิย ปากโฏ โหติฯ ตสฺมา ยํ มหาวํเส –
‘‘สงฺโฆ คาถาทฺวยํ ตสฺสา’ทาสิ สามตฺถิยํ ตวา’’ติอาทินา ‘‘คาถาทฺวยเมว โอโลเกตฺวา กิญฺจิปิ อญฺญํ โปตฺถกํ อโนโลเกตฺวา อาจริยพุทฺธโฆโส วิสุทฺธิมคฺคํ อกาสี’’ติ อธิปฺปาเยน อภิตฺถุติวจนํ วุตฺตํ, ตํ อภิตฺถุติมตฺตเมวาติ เวทิตพฺพํฯ